หน้าร้อนที่ผ่านมาหลาย ๆ คนเห็นบิลค่าไฟฟ้าก็คงถึงกับใจหาย เพราะบางบ้านค่าไฟเพิ่มจากปกติเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว! แถมพอเริ่มเข้าหน้าฝนค่าไฟก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงสักเท่าไหร่ ณ จุดนี้ “วิธีประหยัดไฟ” ที่จะช่วยให้เราไม่ต้องเจ็บปวดตอนสิ้นเดือนมากนักจึงเริ่มดูน่าสนใจขึ้นมา น้องเจนนี่จึงขอนำเอาวิธีประหยัดไฟที่ทำตามได้ง่าย ๆ แต่ได้ผลเน้น ๆ มาฝากกันค่ะ
เคล็ดไม่ลับกับวิธีประหยัดไฟสไตล์น้องเจนนี่
สำหรับวิธีประหยัดไฟง่าย ๆ ที่ทำได้ทันทีที่น้องเจนนี่ขอแนะนำ มีดังนี้
- เปิดม่านรับแสงธรรมชาติตอนกลางวัน – การเปิดม่านรับแสงธรรมชาตินอกจากจะช่วยให้บ้านสว่างแบบประหยัดไฟแล้ว ยังช่วยฆ่าเชื้อโรคตามพื้นผิวที่แสงแดดส่องถึงอีกด้วย (จริง ๆ แล้วหากเปิดหน้าต่างรับลมด้วยก็จะช่วยประหยัดแอร์ไปได้อีก แต่ในช่วงที่ฝุ่น PM 2.5 เยอะขนาดนี้อาจจะไม่เหมาะสักเท่าไหร่)
- ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าและถอดปลั๊กเมื่อไม่ใช้งาน – การเสียบปลั๊กทิ้วไว้แม้ไม่ได้เปิดใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่กระแสไฟฟ้าก็ยังไหลเวียนอยู่ การถอดปลั๊กเมื่อหยุดใช้งานจึงช่วยประหยัดไฟได้มากกว่า
- เปิดแอร์ในอุณหภูมิที่เหมาะสม – อุณหภูมิที่เย็นสบายผิวกำลังดีและประหยัดไฟได้มากที่สุดก็คือตั้งค่าแอร์ไว้ที่ 26 องศาเซลเซียส หากยังรู้สึกร้อนให้ใช้วิธีเปิดพัดลมช่วยก็จะลดอุณหภูมิห้องไปได้อีกประมาณ 1 องศาแบบประหยัดไฟยิ่งกว่าการปรับอุณหภูมิแอร์ลงโดยตรงอีกด้วย
- ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าให้ถูกวิธี
4.1 เลือกใช้หลอดไฟ LED - เมื่อเทียบกับหลอดไฟประเภทอื่น ๆ แล้ว หลอดไฟ LED มีความสว่างมากกว่า กินไฟน้อยกว่า เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า และยังกระจายความร้อนน้อยกว่าอีกด้วย การเลือกใช้หลอดไฟ LED จึงช่วยให้เราประหยัดไฟไปได้เยอะ อีกวิธีหนึ่งที่น้องเจนนี่แนะนำคือเปิดไฟเท่าที่จำเป็น อาจใช้เพียงโคมไฟบนโต๊ะขณะทำงาน ก็จะช่วยให้เราประหยัดไฟไปได้อีกระดับ เรียกได้ว่าบ้านใครไม่ใช้หลอด LED สามารถวางแผนเปลี่ยนเพื่อประหยัดในอนาคตได้เลยค่ะ
4.2 การเลือกใช้เตาไฟฟ้า - เตาไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ทำครัวที่เป็นที่นิยมในบ้านและคอนโดที่มีพื้นที่จำกัด การเลือกใช้เตาไฟฟ้าที่ดีควรเลือกดูตั้งแต่การใช้งานที่เหมาะสมกับเมนูที่ทำบ่อย ๆ เพราะแต่ละเมนูต้องการความร้อนที่แตกต่างกันซึ่งสัมพันธ์กับปริมาณไฟฟ้าที่ต้องใช้ และไม่ว่าจะเป็นเตาไฟฟ้าแบบ Electric Stove หรือ Induction ก็ควรเลือกใช้หม้อหรือกระทะที่มีขนาดพอดีกับพื้นที่หน้าเตาเพื่อให้ความร้อนถูกส่งผ่านไปยังอาหารได้ดีและรวดเร็วขึ้น
4.3 ใช้เตาอบไฟฟ้าให้ถูกวิธี – เตาอบเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำให้อาหารสุกโดยใช้ความร้อน หากเราใช้ไม่ถูกต้องระหว่างปรุงอาหารก็อาจทำให้สูญเสียความร้อนภายในเตา อาหารสุกช้าลง และกินไฟเพิ่มขึ้นได้ เราจึงควรใช้อย่างถูกวิธี ดังนี้
- เตรียมเครื่องปรุงและวัตถุดิบให้พร้อมก่อนเปิดเตา
- ใช้ภาชนะโลหะก้นแบนเพื่อให้กระจายความร้อนไปยังอาหารได้เร็วขึ้น
- ไม่ควรเปิดเตาระหว่างอบอาหารบ่อย ๆ
- เมื่ออบอาหารเสร็จควรรีบปิดเตาและถอดปลั๊กไฟทันที
4.4 หม้อหุงข้าวไฟฟ้า – เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้บ่อยและต้องมีแทบจะทุกครัวเรือนก็คือหม้อหุงข้าวไฟฟ้านั่นเอง ซึ่งหม้อหุงข้าวไฟฟ้านี้หากเราใช้ถูกวิธีเราก็จะประหยัดค่าไฟไปได้อีกเยอะ ดังนี้
- ถอดปลั๊กออกทันทีเมื่อหุงข้าวสุกแล้ว
- อย่าทำให้ก้นหม้อมีรอยบุบ เพราะจะทำให้การกระจายความร้อนไม่ดีจนทำให้ข้าวสุกช้ากว่าปกติ
- ปิดฝาให้สนิทขณะทำการหุง
- หุงข้าวให้พอดีกับความต้องการในแต่ละมื้อ หรือถ้าอยู่กัน 2-3 คนอาจเลือกใช้หม้อหุงข้าวขนาดเล็กเพราะหม้อหุงข้าวขนาดเล็กพอเหมาะนั้นใช้กำลังไฟน้อยกว่าหม้อหุงข้าวขนาดใหญ่จึงประหยัดไฟมากกว่า
แต่หากยังหาหม้อหุงข้าวขนาดพอดีกับ 2-3 คนไม่ได้ น้องเจนนี่ขอแนะนำ Jenniferoom Macaron Rice Cooker Plus ขนาด 1.2L ที่มีครบทั้งดีไซน์น่ารักสไตล์เกาหลี ภายในเคลือบด้วย Non-Stick ชนิดพิเศษ เทคโนโลยี Dyking Coating ช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่ายเพียงเช็ดด้วยผ้าเบา ๆ ในส่วนของฟังก์ชันใช้งานก็มีหลากหลายเพราะปรุงอาหารได้ตั้งแต่หุงข้าว อุ่นซุป ไปจนถึงตุ๋นโจ๊ก ใช้งานง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัสด้วยปุ่มกดแบบ LED พร้อมหน้าจอแสดงผล และสุดท้ายก็คือความประหยัดไฟแบบขั้นสุดเพราะใช้กำลังไฟเพียง 300W เท่านั้น
สั่งซื้อได้ง่าย ๆ เพียงคลิก: หม้อหุงข้าวเล็ก
3 หัวใจหลักของวิธีประหยัดไฟในครัวเรือน
จะเห็นได้ว่าหัวใจหลักของวิธีประหยัดไฟอย่างง่าย ๆ ก็คือ
- การใช้ไฟฟ้าเท่าที่จำเป็น
- ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าให้ถูกวิธี
- และการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดไฟและพอดีกับความต้องการในครอบครัว
บอกได้เลยว่าแค่ทำตามหัวใจหลักเหล่านี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบไหนก็สามารถปรับใช้ได้ทุกอย่าง ทำตามได้ง่าย และได้ผลจริงอีกด้วยค่ะ