Last updated: 6 มิ.ย. 2567 | 723 จำนวนผู้เข้าชม |
คำว่า "Slow Bar" ไม่ใช่เป็นเพียงชื่อเรียกของร้านกาแฟ แต่เป็นแนวคิดการบริการให้ลูกค้าได้สัมผัสกับบรรยากาศ และประสบการณ์ของการดื่มด่ำกับกาแฟแก้วโปรด ที่ถูกรังสรรค์อย่างพิถีพิถันละเมียดละไม เพื่อหลีกหนีชีวิตที่เร่งรีบในการใช้ชีวิตประจำวัน คล้ายกับการได้เสพงานศิลปะชั้นดีให้ผ่อนคลายสบายใจ ทำให้สโลว์บาร์ ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการกาแฟในปัจจุบัน จนทำให้หลายคนอยากมีอุปกรณ์ในการทำกาแฟ Slow Bar ไว้ใช้เองที่บ้านในวันชิลล์ๆ เช่น กาต้มน้ำ, อุปกรณ์ดริปและคั่วบดกาแฟ เป็นต้น
ต้นกำเนิดการทำกาแฟแบบ Slow Bar
การทำกาแฟ Slow Bar บางคนเรียกว่า Hand Brewing ซึ่งหมายถึง การชงกาแฟแบบทำมือ คือ ใช้แรงมือในการสกัดกาแฟออกมาในกรรมวิธีต่างๆ ตามอุปกรณ์ที่ใช้ เช่น Drip, French Press, Moka Pot และอื่นๆ ซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้ในการชงกาแฟจะไม่ใช้ไฟฟ้าเลย Slow Bar มีต้นกำเนิดมาจากประเทศตุรกี ในปี ค.ศ. 1540 เป็นการใช้กาต้มน้ำ หรือหม้อต้มใบเล็กด้ามจับยาว ก้นกว้าง คอคอดและมีปากสำหรับเทน้ำเรียกว่า เชสเว (Cezve) เป็นหม้อต้มพื้นถิ่นที่ช่วยสร้างฟองกาแฟ และป้องกันผงกาแฟจากหม้อต้มไม่ให้ไหลลงสู่ถ้วย จากนั้นก็แพร่หลายไปยังประเทศอื่นๆ เช่น ประเทศเยอรมนี, อิตาลี, ฝรั่งเศส, อเมริกาจนมาถึงประเทศไทย
การชงด้วยวิธี Syphon ของประเทศเยอรมนี เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1830 ใส่กาแฟคั่วบดที่ต้องการ และน้ำเปล่าสะอาดในอัตราส่วนเท่าๆ กันในกระเปาะแก้ว แล้วจุดตะเกียงที่ไว้ด้านล่างใต้กระเปาะแก้ว และวางทับแผ่นกรองที่ด้านบนสุด เพื่อแยกกากและน้ำกาแฟ ส่วนกาแฟดริป (Drip) เกิดขึ้นในช่วงค.ศ. 1908 ก็มาจากประเทศเยอรมนีเช่นกัน
ปีค.ศ. 1933 ประเทศอิตาลี ได้มีการใช้ Moka Pot ซึ่งเป็นการชงที่อาศัยแรงดันของน้ำร้อนที่ต้มเดือดจาก กาต้มน้ำ จนเกิดเป็นแรงดันน้ำพาน้ำร้อนผ่านผงกาแฟให้สกัดตัวออกมาเป็นเป็นน้ำกาแฟที่เข้มข้นนั่นเอง
วิวัฒนาการและความนิยมของการชงกาแฟ Slow Bar ที่มีหลากหลายวิธีจากหลายประเทศนำมาสู่การเป็นกระแสภายในประเทศไทย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ในช่วงโรคโควิดระบาดที่ต้องทำงานอยู่บ้าน การไปคาเฟ่จิบกาแฟเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ หลายคนจึงมองหาอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ สำหรับการทำกาแฟรสชาติถูกปากดื่มเองที่บ้าน และการชงกาแฟ Slow Bar ก็เริ่มต้นที่จุดนี้
เครื่องบดกาแฟมือหมุน (Hand Coffee Grinders) : ก่อนที่จะเริ่มชงกาแฟด้วยกรรมวิธีใดๆ ขั้นตอนแรกที่ต้องเริ่มทำเลยก็คือ การบดเมล็ดกาแฟ ซึ่งวิถีของชาวสโลว์บาร์จะต้องเป็นเครื่องบดกาแฟมือหมุนเท่านั้น โดยทั่วไปแล้วสามารถเลือกระดับของความละเอียดของผงกาแฟที่ต้องการได้ ส่วนราคาถูกแพงนั้นขึ้นอยู่กับยี่ห้อและความแตกต่างของวัสดุที่ใช้ นั่นเอง
อุปกรณ์สำหรับการชง : จะแปรเปลี่ยนไปตามวิธีการสกัดกาแฟที่คุณเลือก เช่น หากคุณเลือกแบบ Drip Coffee อุปกรณ์ที่คุณจะต้องมีก็คือ Dripper และกระดาษรอง หรือการสกัดแบบ Mokapot อุปกรณ์ที่คุณจะต้องมีก็คือหม้อต้มโมก้าพอท มีเตาไฟฟ้าหรือเตาแก๊ส ซึ่งบางคนอาจเลือกใช้เป็น กาต้มน้ำ ไฟฟ้าก็ได้ เป็นต้น
เครื่องชั่งน้ำหนักสำหรับกำหนดอัตราส่วนของกาแฟ : เพราะการนำมาซึ่งรสชาติของกาแฟที่ดี นอกจากการเลือกเมล็ดกาแฟสายพันธุ์ที่คุณชอบแล้ว ปริมาณที่ใช้ต่อการสกัดกาแฟแต่ละครั้งด้วย ฉะนั้น การมีเครื่องชั่งที่เป็นตัวช่วยในการกำหนดอัตราส่วนที่แน่นอน จะทำให้คุณได้ดื่มด่ำรสชาติของกาแฟที่ชอบได้คงที่เหมือนเดิมในทุกๆ ครั้ง
เมล็ดกาแฟสายพันธุ์ต่างๆ ที่คุณชื่นชอบ : ส่วนสำคัญที่ถือเป็นพระเอกของการชงกาแฟ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการชงแบบไหนก็ตาม มนต์เสน่ห์ของการชงกาแฟดื่มเองก็คือการได้เลือกสายพันธุ์เมล็ดกาแฟที่คุณชื่นชอบ ยิ่งได้บดเมล็ดและสกัดเองกับมือแบบ Slow Bar จะยิ่งเพิ่มอรรถรสให้แก่การดื่มกาแฟของคุณได้มหาศาลทีเดียว
กาต้มน้ำ : ถ้าพระเอกของการชงกาแฟแบบ Slow Bar คือ เมล็ดกาแฟสายพันธุ์ต่างๆ นางเอกของเราก็หนีไม่พ้น น้ำร้อน ในสมัยก่อนวิถีการชงกาแฟแบบตุรกีหรือเยอรมันดั้งเดิม ยังไม่มีการใช้ไฟฟ้า กา (ไฟฟ้า??) หรือหม้อต้มน้ำ (ไฟฟ้า??) ต้องอาศัยใช้เพียงเตาไฟ (เตาอั้งโล่??) หรือเตาแก๊ส แต่ในปัจจุบันร้านกาแฟสโลว์บาร์บางแห่งก็ยังคงเอกลักษณ์ความเป็น Slow Bar แบบดั้งเดิมด้วยการใช้กาหรือหม้อต้มน้ำที่ต้มจากเตาแก๊ส แต่บางร้านหรือกรณีที่อยากจะทำกาแฟแบบ Slow Bar ที่บ้านแบบง่ายๆ การใช้กาน้ำไฟฟ้าก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่อำนวยความสะดวกให้คุณได้กาแฟ Slow Bar ในแบบที่ต้องการ
• ต้องสามารถควบคุมอุณหภูมิความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• ใช้งานง่าย ให้เหมาะกับความเป็น Slow Bar
• มีระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อน้ำเดือด เพราะคุณจะได้ไม่ต้องกังวลว่า ระหว่างการบดเมล็ดกาแฟหรือเตรียมอุปกรณ์ กาน้ำร้อนจะเดือดจนน้ำล้นออกมาหรือต้องคอยรีบปิดแก๊สเมื่อน้ำเดือด เป็นต้น
- เพราะมีระบบควบคุมความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยระบบ Strix Controller จากประเทศอังกฤษ
- ใช้งานง่าย เพียงกดปุ่มเดียวกับสามารถต้มน้ำได้เลย
- ฐานทำความร้อนสามารถหมุนได้ 360 องศา ช่วยให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย
- มีระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อน้ำเดือด และมีไฟ LED แสดงสถานะการทำงาน
- มีความแข็งแรงทนทาน เพราะทำจากวัสดุสแตนเลส สตีล (Stainless Steel) คุณภาพดี จึงใช้งานได้อย่างยาวนานและปลอดภัย
- กาต้มน้ำ ไฟฟ้า Jenniferoom Mini Macaron Kettle มีดีไซน์มินิมอล และรูปทรงคล้ายกับหม้อต้มน้ำ Cezve แบบวิถี Slow Bar แบบดั้งเดิม
- ฝาปิดสามารถถอดแยกส่วนได้ จึงทำความสะอาดได้ง่าย
- มีช่องเก็บสายไฟใต้ฐานทำความร้อน ช่วยให้การเก็บอุปกรณ์เป็นระเบียบและสะดวกยิ่งขึ้น
- มีรับประกัน 2 ปี
ทั้งหมดนี้ คือ เหล่าอุปกรณ์ที่จะเนรมิตร้านกาแฟแบบ Slow Bar มาไว้ที่บ้านหรือที่ทำงานของคุณแบบง่ายๆ ที่สำคัญ คือ การเลือก กาต้มน้ำ ไฟฟ้า Jenniferoom Mini Macaron Kettle ที่จะช่วยให้การชงกาแฟของคุณง่ายและสุนทรีย์มากขึ้น
สนใจสั่งสินค้าของ Jenniferoom ได้ที่
www.jenniferoomthailand.com
Tel. 02-2585210-13
Line: @jenniferoomth
Facebook : Jenniferoomth.Official
Youtube : Jenniferoom Thailand Official